ธุรกิจโรงแรมพร้อมรับ AEC ประชาคมอาเซียน โอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล

การเปิดเสรีในส่วนของธุรกิจโรงแรมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน มีประเด็นสำคัญในเรื่องของสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติ ที่ยังมิได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด คือ ประเทศสมาชิกอาเซียนเปิดให้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนอาเซียนเป็น ร้อยละ 70 ในปี 2558 ในสาขาธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง โดยปัจจุบัน ประเทศสมาชิกตกลงในเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ดังนี้ ประเทศมาเลเซียอนุญาตให้ชาวต่างชาติร่วมทุนกับนักธุรกิจมาเลเซียและถือหุ้น ได้ไม่เกินร้อยละ 51 (เฉพาะโรงแรม ระดับ 4-5 ดาว) ส่วนประเทศสิงคโปร์ไม่มีข้อจำกัดใดๆ สำหรับการลงทุนของชาวต่างชาติในธุรกิจโรงแรม ขณะที่ประเทศไทยเองก็กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของชาวต่างชาติให้ถือได้ไม่เกิน ร้อยละ 49

ปัจจุบันนักลงทุนไทยสามารถเข้าไปตั้งธุรกิจท่องเที่ยวและบริการโดยเป็น เจ้าของ 100% หรือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศเวียดนามได้ แต่มี เงื่อนไขว่านักลงทุนต้องดำเนินการสร้าง ปรับปรุง ฟื้นฟู แล้วจึงจะได้กรรมสิทธิ์หลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม ภาครัฐของแต่ละประเทศก็มีแผนงานดำเนินการเพื่อผลักดันให้นักลงทุนต่างชาติ สามารถถือหุ้นได้สูงถึงร้อยละ 70 ตามเป้าหมายของประเทศอาเซียนในการเปิดเสรีการบริการด้านท่องเที่ยว การเปิดเสรีด้านการค้าการบริการและการลงทุนระหว่างกันของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ตามกรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะส่งผลให้ตลาดประชากรมีจำนวนรวมกันถึงเกือบ600 ล้านคน ในทางการตลาดย่อมจะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล

ปัจจุบันธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยมีการใช้เชนต่างชาติเข้ามาบริหารจัดการในปริมาณมากพอสมควร ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่ เชนต่างประเทศมีชื่อเสียงและการบริการที่ เป็นสากล ประกอบกับการมีฐานข้อมูลลูกค้าที่มากกว่า ทำให้สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด ส่งผลให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และได้รับความไว้วางใจที่จะใช้บริการ

การเปิด AEC  อย่างสมบูรณ์ เชื่อว่าต้องมีเชนต่างประเทศและเชนไทยมาลงสนามแข่งขันการรับบริหารโรงแรมอีกมาก เห็นได้จากเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เชนฮิลตัน เวิลด์ไวด์ มาร่วมลงทุนกับบริษัทแมกโนเลีย ไฟน์เนสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดตัวโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ซึ่งถือเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในเครือ โรงแรมฮิลตัน และถือเป็นแห่งแรกในอาเซียน โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี พ.ศ. 2558 เพื่อรองรับการเปิดAEC  โดยให้น้ำหนักกับตลาดท่องเที่ยวมากกว่าตลาดประชุมสัมมนาสอดคล้องกับสภาอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่คาดการณ์ว่าภายหลังการเปิด AEC ประเทศไทยน่าจะสร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยวเพิ่มเป็น กว่า 2 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่สร้าง รายได้ให้แก่ประเทศประมาณ 1 ล้านล้านบาท

This entry was posted in สินค้าและบริการ and tagged . Bookmark the permalink.

Comments are closed.